Site icon Gold Around

กูรูต่างชาติ ชี้ราคาทองคำแกว่งตัว $10-$20 ก่อนเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐ

นักวิเคราะห์คาดราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ไซด์เวย์ในแนว 1,900 ดอลลาร์ เพื่อเตรียมเข้าโหมดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายน แต่ยังเกาะติดความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใกล้ชิดแม้ว่าจะมีอากาศน้อยเต็มที

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา(19-23 ต.ค.)ราคาทองคำเริ่มต้นต่ำกว่า 1,915 ดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 1,906.20 ดอลลาร์  โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาทองคำคือการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งผันผวนอย่างมาก

Peter Hug Metals global trading director Kitco กล่าวว่า ปัจจัยที่จะทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นก่อนการเลือกตั้งก็คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่นับวันโอกาสเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ตลาดก็ยังจับตาใกล้ชิด และหากสามารถตกลงกันได้ ราคาทองคำอาจขยับขึ้นทะลุ 1,925 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับยังคงอยู่ที่ 1,875 ดอลลาร์และ 1,850 ดอลลาร์ ซึ่งยังมองไม่เห็นโอกาสที่ราคาทองคำจะลดลงไปมากกว่านั้นยกเว้นแต่จะมีการเทขายอย่างหนัก

ทั้งนี้หากว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนการเลือกตั้ง และหาก”โจ ไบเดน”คว้าชัยไปได้ อาจมีการผลักดันมาตรการดังกล่าวออกไปจนถึงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ หลังจากที่เจ้าตัวเข้ารับตำแหน่งแล้ว

ด้าน Afshin Nabavi, senior vice president at precious metals trader MKS SA. กล่าวว่าสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง (26-30 ต.ค.) ราคาทองคำอาจมีความผันผวนวันละ  10 – 20 ดอลลาร์ และไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก จนกว่าจะหลัง 3 พ.ย.ไปแล้ว

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังคงเห็นพ้องกันว่าไม่ว่าผู้สมัครรายใดจะชนะการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ก็จะส่งผลดีต่อราคาทองคำ เพราะจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากขณะนี้อัตราดอกเบี้ยต่ำ และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง  อย่างไรก็จากผลการสำรวจคะแนนความนิยมทางฝั่งพรรคเดโมแครตยังคงนำหน้า ทำให้มีแนวโน้มที่จะดันให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นได้

Ryan McKay  commodity strategist TD Securities  กล่าวว่า นักลงทุนต่างเฝ้ารอว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แต่หลังการเลือกตั้งทั้งคู่ก็จะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่มองว่าหากทางตัวแทนของพรรคเดโมแครตชนะน่าจะส่งผลดีมากกว่า เพราะจะมีการอัดฉีดเงินมากกว่า ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำพุ่งทะยาน

ขณะที่ Sean Lusk co-director Walsh Trading กล่าวว่าหลังการเลือกตั้งราคาทองคำสามารถพุ่งกลับไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2564 เพราะไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง ก็จะมีการอัดฉีดเงินจำนวนมาก และธนาคารกลางทุกแห่งในโลกก็ดำเนินการเช่นเดียวกัน

เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ยังคงอยู่ และหลายพื้นที่อาจจะมีการล็อคดาวน์เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทองคำยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไปจนถึงอย่างน้อยก็ต้นปี 2564 เพราะความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโคโรนาไวรัสได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นตัว ทั้งนี้หากธนาคารกลางยิ่งพิมพ์เงินออกมามากก็ยิ่งมีค่าน้อยลงเท่านั้น

อย่างไรก็ดี Peter Hug Metals global trading director Kitco ตั้งข้อสังเกตว่าหากฝั่งเดโมแครตได้รับชัยชนะก็จะเกิดการเทขายหุ้นเกิดขึ้นเนื่องจากนักลงทุนพยายาม ล็อกผลกำไรก่อนที่ภาษีจะสูงขึ้น และอาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นลบสำหรับทองคำ เพราะคาดว่า โจ ไบเดน จะขึ้นภาษีในปี 2021 ซึ่งทให้อาจมีการเทขายตราสารทุนและเป็นไปได้ว่าราคาทองคำอาจถูกกดดัน และราคาอาจจะมีการปรับตัวลดลง จึงเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อ เพราะไม่ว่าทรัมป์หรือไบเดน คว้าชัยชนะจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา และจะส่งผลดีต่อตลาดตราสารทุนและทองคำในระยะยาว

ขณะที่ Han Tan market analyst  FXTM กล่าวว่าอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถกระตุ้นทองคำได้ในระยะสั้นคือผลการเลือกตั้งที่ล่าช้า ทั้งนี้นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ของความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดทันทีหลังจากวันที่ 3 พฤศจิกายน ซึ่งจะทำให้ราคาของสินทรัพย์ปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นได้

นอกเหนือจากความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งแล้ว ตลาดยังกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของโคโรนาไวรัส ระลอก 2 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งอาจจะนำไปสู่การล็อคดาวน์รอบใหม่ และมันอาจจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้าไปอีก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเทขายสินทรัพย์ในลักษณะเดียวกันเช่นในเดือนมีนาคม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตราสารทุน และนักลงทุนจะหันมาถือเงินดอลลาร์ จากนั้นขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะมีมาตรการในการแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งโดยปกติจะมีการอัดฉีดเงินเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคสินค้าโภคภัณฑ์

CR: Kitco News

Exit mobile version