ทยอยขายบริเวณแนวต้าน 1,956-1,973 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผ่าน 1,973 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ชะลอการขายออกไป และเน้นการลงทุนระยะสั้น หากรับความเสี่ยงได้น้อยอาจเข้าซื้อคืนหากราคาไม่หลุด 1,932-1,919 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,919 1,902 1,881 แนวต้าน : 1,956 1,973 1,992
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.56 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง -0.20% ทั้งนี้ สกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร หลัง Bloomberg ระบุว่า รายงานคาดการณ์ผลผลิตและเงินเฟ้อของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการทบทวน “ปรับเพิ่ม” ตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซน และการบริโภคของภาคเอกชนในปีนี้ สอดคล้องกับการที่นาง Isabel Schnabel สมาชิก ECB กล่าวว่า พัฒนาการทางเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นไปตามที่ ECB คาดการณ์ไว้ สถานการณ์ดังกล่าวหนุนยูโรให้กลับมาแข็งค่า ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กดดันดอลลาร์จนส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ นั่นทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,950.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์ Financial Times รายงานว่า การทดลองวัคซีนต้าน COVID-19 ของ AstraZeneca ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดนั้น อาจสามารถกลับมาดำเนินการได้ต่อในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ส่วน Stat News รายงานว่าผู้เข้าร่วมโครงการทดลองวัคซีนต้าน COVID-19 ของ AstraZeneca ที่ล้มป่วยด้วยอาการทางระบบประสาทมีอาการดีขึ้น และน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้อย่างเร็วที่สุดในวันนี้(วันพุธ) ข่าวดังกล่าวกลับมาสร้างความหวังเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้าน COVID-19 ซึ่งเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกทองคำ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +2.92 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)คาดคงนโยบายการเงินตามเดิม แต่อาจต้องติดตามมุมมองเศรษฐกิจและความเห็นเกี่ยวกับการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรจากแถลงการณ์ประธานอีซีบี รวมถึงการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ยูโรแข็งค่าเทียบดอลล์ รับข่าว ECB เชื่อมั่นแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) หลังมีข่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.20% แตะที่ 93.2586 เมื่อคืนนี้ ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1808 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1780 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2989 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2990 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7270 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7215 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9125 ฟรังก์ จากระดับ 0.9173 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าแตะที่ระดับ 106.21 เยน จากระดับ 106.03 เยน
- (+) สหรัฐเพิกถอนวีซ่าชาวจีนกว่า 1,000 รายจากการพัวพันกับกองทัพ เมื่อวานนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สหรัฐเพิกถอนวีซ่าชาวจีนกว่า 1,000 รายในสัปดาห์นี้ภายใต้การผลักดันของคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐในการสกัดกั้นการเข้าประเทศของนักศึกษาและนักวิจัยจากจีนที่ทางสหรัฐเชื่อว่าเชื่อมโยงกับกองทัพจีน ในประกาศวันที่ 29 พ.ค. ปธน.ทรัมป์จำกัดการเข้าสหรัฐของนักศึกษาและนักวิจัยจีน โดยระบุว่า พวกเขาถูกใช้ในแผนของจีนที่ส่งเสริมการครอบครองเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาที่อ่อนไหวของสหรัฐ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเริ่มดำเนินการตามกฎเกณฑ์ดังกล่าวที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิ.ย.
- (+) IMF ชี้วิกฤติโควิด-19 ยังไม่ใกล้ยุติ, จำเป็นต้องมีการสนับสนุนเพิ่มเติม เมื่อวานนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า วิกฤติโควิด-19 ‘ยังห่างไกลจากการยุติ’ และเน้นย้ำความจำเป็นสำหรับความร่วมมือระดับพหุภาคีเพื่อรับประกันความเพียงพอด้านอุปทานเมื่อวัคซีนโควิด-19 ได้รับการพัฒนาแล้ว ในบทความที่เผยแพร่ในนิตยสาร Foreign Policy นางคริสทัลลีนา จอร์จีวา ผู้อำนวยการ IMF และนางกีตา โกปินาธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากวิกฤติเป็นผลของการดำเนินการอย่างรวดเร็วและการสนับสนุนในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนของรัฐบาลและธนาคารกลาง แต่จำเป็นต้องมีความพยายามมากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 2 คนระบุว่า “การฟื้นตัวดังกล่าวยังคงเปราะบางอย่างยิ่งและไม่ได้กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคและภาคส่วนต่างๆ และเพื่อรับประกันว่าการฟื้นตัวจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งสำคัญว่า การสนับสนุนจะต้องไม่ยุติลงก่อนเวลาอันควร”
- (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 439.58 จุด รับแรงช้อนซื้อหุ้นเทคโนฯ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากการที่ประชาชนต้องทำงานจากที่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดของโควิด-19 ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงหุ้นไมโครซอฟท์ และแอมะซอนดอทคอม ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,940.47 จุด เพิ่มขึ้น 439.58 จุด หรือ +1.60% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,398.96 จุด เพิ่มขึ้น 67.12 จุด หรือ +2.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,141.56 จุด เพิ่มขึ้น 293.87 จุด หรือ +2.71%
- (-) สหรัฐเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเพิ่มกว่า 600,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 617,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.6 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค.
- (+/-) อาสาสมัครในโครงการทดลองวัคซีนต้านโควิดของแอสตร้าเซนเนก้ามีอาการอักเสบที่ระบบประสาท สำนักข่าว STAT News รายงานว่า อาสาสมัครรายหนึ่งในโครงการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) มีอาการอักเสบที่ระบบประสาทในไขสันหลังอย่างรุนแรง หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว นายปาสกาล โซริออท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า อาสาสมัครรายดังกล่าว ซึ่งเป็นหญิงชาวอังกฤษ มีอาการอักเสบที่ไขสันหลังอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี หญิงรายนี้กำลังมีอาการดีขึ้น และอาจออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้
- (+/-) “ByteDance”หารือรัฐบาลสหรัฐแนวทางหลีกเลี่ยงการขาย”TikTok”เต็มรูปแบบ แหล่งข่าวกล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า บริษัท ByteDance อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ที่อาจอนุญาตให้บริษัทดังกล่าวคงความเป็นเจ้าของบางส่วนในธุรกิจ TikTok ในสหรัฐ ขณะที่สร้างความพึงพอใจให้กับเจ้าหน้าที่กำกับดูแลกฎระเบียบทั้งในจีนและสหรัฐ ความเป็นไปได้เหล่านั้นได้รวมถึงการมอบการควบคุมเชิงปฏิบัติการต่อข้อมูลของ TikTok แก่บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐ ขณะที่ยังเป็นเจ้าของสินทรัพย์บางส่วน
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)